กระทู้เด็ด

ถึงผู้คน.. นี่เป็นโพสแรกของฉันใน Reddit และฉันก็ภาวนาให้ไม่ใช่โพสสุดท้าย ฉันได้อ่านข่าวเรื่องความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะบุกประเทศยูเครนวันนี้ ตอนนี้ฉันรู้สึกตื่นตระหนกมาก (ฉันเป็นผู้หญิงอายุ 25ปี) ฉันแค่อยากจะบอกว่า ฉันต้องการอยู่อย่างสันติในยูเครน ฉันภูมิใจที่ได้เป็นคนยูเครน ที่นี่คือแผ่นดินเกิดของฉัน และไม่ว่าฉันจะไปที่ไหนมาทั่วโลก ฉันก็ยังคงรักยูเครนด้วยสุดใจสุดชีวิตของฉันเสมอ ฉันรักภาษายูเครน ฉันไม่ได้เกลียดคนรัสเซียหรือภาษารัสเซีย หรือประเทศอื่นใดเลย ตอนนี้ฉันทำได้แค่นั่งดูประเทศรัสเซียค่อยๆยึดดินแดนของประเทศยูเครนจนฉันแอบคิดไม่ได้ว่า ซักวันหนึ่งยูเครนอาจจะไม่เหลืออะไร ฉันกลัวมากว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ ฉันกลัวจะสูญเสียสัญชาติของฉัน เชื่อฉันเถอะว่า สิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับชาวยูเครนนั้น คือการเป็นคนรัสเซีย ประธานาธิบดีรัสเซียนั้นทำเหมือนว่าตัวเขาเองเป็นพระเจ้าที่สามารถตัดสินชะตากรรมของคนทั้งประเทศได้ ตอนนี้ฉันกลัวจริงๆ ฉันควรจะทำยังไงดี? ตอนนี้ฉันร้องไห้ดังมาก เพราะฉันไม่มีทางเลือกอื่นใด ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ฉันสิ้นหวัง แต่ก็ไม่อยากจะวิ่งหนีออกจากประเทศยูเครนอันป็นที่รักและคอยดูประเทศนี้พังทลาย ฉันไม่ต้องการสงคราม แต่ดูเหมือนว่ารัสเซียได้ตัดสินใจไปแล้ว ฉันหวังว่าจะเอาตัวรอดได้ในสงครามนี้ ฉันอยากให้ครอบครัวของฉันปลอดภัย พวกเราจะสู้จนลมหายใจสุดท้ายเพื่อประเทศของเรา แต่.. ถ้ายูเครนพ่ายแพ้สงครามนี้ มันก็ไม่ได้มีผลต่อชาวยูเครนเท่านั้น เพราะมันจะเป็นการพังทลายของโลกประชาธิิปไตย ถ้าคุณกำลังอ่านอยู่ อย่าเชื่อรัฐบาลรัสเซียโดยเด็ดขาด อย่าเชื่อข่าวที่ออกโดยรัสเซีย และขอให้พวกคุณอยู่อย่างสันติ อย่าสร้างสงครามเลย ปล.ถ้ารัฐบาลรัสเซียยึดครองยูเครนแล้วบอกว่าพวกเราต้องการเป็นคนรัสเซียนนั้น ขอให้คุณรู้ไว้ว่า ไม่มีใครร้องขอ และไม่เคยมีชาวยูเครนคนไหนต้องการ ปล.2 ขออภัยสำหรับความผิดพลาดทุกอย่าง โดยกระทู้ดังกล่าวบน Reddit นั้นถูกโพสเมื่อ…

อันนี้ไปเจอมา คือแบบน่ารักมากกกก เป็นเตาปิ้งย่างไซส์มินิ เหมาะสำหรับคนไม่มีผัว กินได้คนเดียว อย่าชวนเพื่อนมากิน เพราะวางหมูชิ้นเดียวแม่งก็เต็มพื้นที่ละ ไม่เชื่อลองดูขนาดเทียบกับไอโฟนข้างๆ คือซื้อหมูมามึงต้องหั่นต้องเฉือนให้มันเล็กๆอ่ะมึง ไม่งั้นวางไปย่างไม่ได้เพราะชิ้นใหญ่เกิน แล้วย่างเสร็จ มึงสามารถยัดหมูทั้งกระทะเข้าปากมึงคำเดียวได้เลย เพราะชิ้นมันเล็ก หรือมึงจะนั่งแดกสวยๆทีละชิ้นก็ไม่ได้ ไม่มีใครว่า แต่เชื่อกู ยัดไปทั้งกระทะนั่นแหละ ไม่มีใครเห็นหรอก 555 วิธีใช้ก็ง่ายแสนง่าย 1.มึงหั่นหมูหั่นผักอะไรให้เรียบร้อย เอาชิ้นเล็กๆเท่าแมวดมเลย เพราะใหญ่มันยัดลงกระทะไม่ได้ 2.เทน้ำซุปใส่ จะสูตรไหนก็ได้ บ้านกูเอาน้ำก็อกใส่ก้อนซุปไก่ 3.จุดไฟใส่ก้อนแอลกอฮอล์ แล้วใส่ถ่านเข้าไป ถ่านก่อไฟนะอีดอก ไม่ใช่ถ่านอัลคาไลน์ 4.ปิ้งย่างและแดก ง่ายมะ? ฟีลแม่งเหมือนเล่นขายขนมตอนเด็กๆอ่ะ แต่แดกได้จริง อิเชี่ยยย เติมเต็มความฝันวัยเด็กกูมาก ใครสนใจไปตำที่ Lazada แค่เอามาเป็นพร็อพถ่ายรูปลงไอจีให้ผู้กดไลค์เก๋ๆก็คุ้มละ

หลังจากเป็นข่าวมาสักพักกับน้องเดียร์ลอง Content Creator ใน OnlyFans ที่ได้รับผลกระทบจากกฏหมายที่ล้าหลังและไม่ได้ปรับปรุงตามยุคสมัย ล่าสุดน้องเดียร์ลองก็ได้ย้ายประเทศไปอยู่เนเธอร์แลนด์เรียบร้อยแล้ว ต้องบอกว่าดีใจกับน้องจริงๆ ส่วนตัวผมเอง ขอบอกตรงๆว่าอยากย้าย (และพยายาม)ย้ายไปที่นี่เหมือนกัน วันนี้เลยขอแบ่งปันข้อมูลที่รวบรวมมา เผื่อมีใครสนใจ จริงๆแล้วการย้ายประเทศนั้นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป โดยวิธีการย้ายประเทศนั้น แบ่งคร่าวๆ(แบบคร่าวจริงๆ เพราะรายละเอียดจริงๆเยอะมาก) ได้ 4 วิธีหลักๆ คือ 1.แต่งงานกับคนดัตช์2.เรียน3.หางานทำ4.ลงทุนทำธุรกิจ โดยจะขอแบ่งรายละเอียดคร่าวๆดังนี้ 1.แต่งงานกับคนดัตช์ วิธีนี้ง่ายที่สุด คือหาแฟนเป็นคนดัตช์ เมื่อแต่งงานแล้ว จะสามารถขอวีซ่าอยู่อาศัยระยะยาวได้ (อายุวีซ่า 3-5 ปี ต่อได้เรื่อยๆ) และเมื่ออาศัยในประเทศเกิน 3-5 ปีแล้ว จะสามารถสอบขอสัญชาติได้เมื่อเงื่อนไขครบ (https://ind.nl/en/family/residence-permit-for-your-partner/Pages/partner.aspx) 2.เรียนต่อ วิธีนี้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับเด็กไทยเท่าไหร่นัก เพราะปลายทางที่คนนิยมกันส่วนมาก มักจะเป็นเยอรมันมากกว่า เพราะเป็นประเทศติดกัน แถมค่าเรียนก็ถูกกว่าด้วย(ฟรี) แต่ถ้าต้องการเรียนที่เนเธอร์แลนด์จริงๆ ก็สามารถใช้วิธีเดียวกันได้ คือขอวีซ่านักเรียน และเมื่อเรียนจบ ก็หางานทำ โดยงานนั้นจะต้องออกใบอนุญาตการทำงานให้ได้ และเมื่ออยู่ในประเทศแบบถูกกฏหมายครบ 3-5 ปี ก็สอบขอสัญชาติได้เลย (https://ind.nl/en/study/Pages/default.aspx)…

บางสิ่งบางอย่างที่มีอยู่มาตั้งแต่แรกหรือก่อนเราจะลืมตาขึ้นมาดูโลก เรามักจะไม่ค่อยตั้งคำถามถึงที่มาที่ไปของมันว่ามันเกิดมาจากไหน มันมาได้ยังไง เพราะมันมีมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันคงจะมีเหตุผลของการอุบัติขึ้นนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องไปตั้งคำถามกับสิ่งที่คงทนถาวรและไม่มีวันสูญหายไป แต่ถ้าวันหนึ่งเรากลับสงสัยขึ้นมาว่า  สิ่งที่มีอยู่มาตั้งแต่แรกที่คงทนถาวรและไม่มีวันสูญหายไปเนี่ยกลับค่อย ๆ เลือนหายไปหรือเดินทางมาหาเราช้าลงจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ ? สิ่งนั้นที่กำลังพูดถึง เรากำลังพูดถึง “แสง” แสงจากดวงอาทิตย์นี่แหละ เราเคยตั้งคำถามกันไหมว่า แสงอาทิตย์ที่เราเห็นหรือที่ได้สัมผัสความร้อนระอุของมันอยู่แทบทุกวันคืออะไร ? ก่อนอื่นเลย แสงคืออะไร? แสงอาทิตย์เป็นรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าส่วนหนึ่งที่ปล่อยออกจากดวงอาทิตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงในช่วงอินฟราเรด แสงที่ตามองเห็น และอัลตราไวโอเล็ตบนโลก แสงอาทิตย์ถูกกรองผ่านชั้นบรรยากาศโลก และเห็นชัดเป็นแสงกลางวันเมื่อดวงอาทิตย์อยู่เหนือเส้นขอบฟ้า แสงอาทิตย์มีสีขาวเกิดจากแสงทั้ง 7 สีมารวมกัน ระยะทางจากดวงอาทิตย์มาถึงโลกมีระยะทาง 149.6 ล้านกิโลเมตร แต่ระยะเวลาที่แสงเดินทางจากดวงอาทิตย์มาถึงโลกใช้เวลาเพียงแค่ 8 นาทีกว่า ๆ เท่านั้น ถือว่าเป็นความเร็วที่เร็วมากเมื่อเทียบกับระยะทาง แสงมีความเร็วมากถึง 186,282 ไมล์/วินาที หรือ 299,792 กิโลเมตรต่อวินาที ถ้าใช้ความเร็วนี้ในการเดินทางรอบโลก คุณจะเดินทางรอบโลกได้ถึง 7.5 รอบใน 1 วินาที ปัจจุบันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยึดโยงอยู่กับแสงหรือใช้แสงเป็นตัวเปรียบเทียบ หนึ่งตัวอย่างที่จะหยิบยกมาพูดก็คือหน่วยระยะทางในทางดาราศาสตร์ที่เมื่อพูดออกมาแล้วทุกคนก็ต้องร้องอ๋อทันทีอย่างปีแสง (light-year) โดย 1 ปีแสงถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ…

ส้มตำเป็นอาหารอีสานประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากรสชาติที่แซ่บถึงใจ เส้นมะละกอที่มีขนาดพอดีคำ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ยิ่งถ้าเป็นเส้นมะละกอที่แช่เย็นมาก่อน กัดไปแต่ละที กร๊อบ ๆ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม อีกทั้งน้ำปลาร้าที่ต้องมีความนัวในตัวเอง ยิ่งถ้าร้านไหนใส่ต่อนปลาร้ามาให้ด้วย รับรองให้คะแนนเพิ่มแบบไม่เผื่อใจ แต่เมื่อพูดถึงความแซ่บถึงใจของส้มตำ หากขาดวัตถุดิบนี้ไป ความแซ่บของส้มตำคงจะไม่มีเป็นแน่ เรากำลังพูดถึง พริก ใส่มากเผ็ดมาก ใส่น้อยเผ็ดน้อย ยิ่งเผ็ดยิ่งอร่อย ยิ่งกินบ่อย ๆ ก็ยิ่งติดใจ แล้วเคยสงสัยมั้ยว่า ถ้าความแซ่บระดับพริก 200 เม็ด กับ ความแซ่บระดับพริก 1000 เม็ด จานไหนจะทำให้เราเผ็ดมากกว่ากัน? ความเผ็ดเกิดจากอะไร ก่อนอื่น อยากพาทุกคนมารู้จักหน่วยวัดความเผ็ดหรือ Scoville Heat Unit (SHU) กันเสียก่อน SHU คือ หน่วยวัดความเผ็ดของพริก คิดค้นขึ้นในปี ค.ศ.1912 โดย Wilber Scoville (วิลเบอร์ สโกวิลล์) นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายเยอรมัน เขาได้สกัดสารให้ความเผ็ดจากพริกหรือที่เรียกว่า แคปไซซิน (capsaicin) ออกมาจากพริกโดยใช้แอลกอฮอล์ จากนั้นนำสารละลายแคปไซซินไปผสมกับน้ำที่ผสมกับน้ำตาลแล้วให้ผู้ทดลองได้ชิม หากยังรู้สึกเผ็ด เขาจะเจือจางสารแคปไซซินไปเรื่อย…

เชื่อไหม ในจักรวาลแห่งนี้ไม่มีอะไรที่มนุษย์ผู้มีเซลล์สมองมากกว่า 84,000 เซลล์ หรือที่โดยปกติทั่วไปมีอยู่ 1 แสนล้านเซลล์ทำไม่ได้ แม้แต่ในเรื่องของความร้อนนี้ก็เช่นกันที่มนุษย์สร้างสถิติชนะที่ธรรมชาติสร้างไว้ได้เกือบขาดลอย!  หากไล่เรียงระดับความร้อนที่มนุษย์จะสามารถรับรู้ความรู้สึกอุ่นไปจนถึงร้อนได้จะเริ่มต้นที่ 45°C ซึ่งสถานที่ที่ร้อนที่สุดของโลกจะอยู่ที่ 71°C คือ ทะเลทราย Lut ก็ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเราได้แล้ว แต่หากพูดถึงความร้อนที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ ความร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้นและสามารถทำให้คนเรารู้สึกเจ็บปวดจนสะดุ้งโหยง อาจยกตัวอย่างได้จากส่วนที่ร้อนที่สุดของเปลวไฟเทียนไขที่เราใช้กันอยู่ อุณหภูมิอาจขึ้นไปสูงถึง 1,400 °C ซึ่งเทียนไขก็ถือเป็นนวัตกรรมที่มนุษย์สร้างความร้อนขึ้นมา แล้ว #ความร้อนสุดขีด จากฝีมือมนุษย์ที่ว่าชนะธรรมชาติจะสามารถให้ร้อนได้แค่ไหนกันเชียว ? สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่เรียกว่ามนุษย์ไม่เคยหยุดแค่เพียงอุณหภูมิความร้อนจากเทียนไขเป็นแน่ สิ่งที่พวกเขาทำต่อมาคือการสร้างความร้อนที่ร้อนยิ่งกว่าอุณหภูมิของลาวา และยิ่งกว่าศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ !! ความร้อนสุด ๆ นี้คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์ CERN ที่สร้างสถิติความร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้นใหม่ คือ 5.5 ล้านล้านองศาเซลเซียส (5,500,000,000,000) ในเครื่องเร่งอนุภาค LHC ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มพลังงานอนุภาคให้มีความเร็วสูงขึ้นจนใกล้ความเร็วแสง ณ จุดนี้อนุภาคที่มีความเร็วสูงขนาดนั้นจะมีพลังงานในตัวมันเองสูงมาก ทำให้ได้ความร้อนสุดขีดนี้มาในระยะเวลาสั้น ๆ คำถามต่อมาคือ ความร้อนขนาดนี้สามารถเอาไปต่อยอดทำอะไรได้บ้าง ในการทดลองเรื่องการศึกษาระดับอนุภาคแบบนี้  อาจต่อยอดให้เข้าใจเรื่อง Quantum ได้มากขึ้นเรื่อย ๆจนอาจนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้  เช่น  ปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่อาศัยเรื่องของอุณหภูมิ การต้านแรงโน้มถ่วง  การขับเคลื่อนและเดินทางในอวกาศและอีกมากมาย สรุป แล้ว ณ ปัจจุบันนี้อุณหภูมิที่ร้อนที่สุดที่มนุษย์สร้างได้ จึงอยู่ที่…

ทีมนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Cardiff University นำโดย Jane Greaves ได้ประกาศการค้นพบสำคัญบนดาวศุกร์เมื่อคืนวันที่ 14 กันยายน 2020 เวลา 22.00 ตามเวลาประเทศไทย โดยเป็นการค้นพบโมเลกุลฟอสฟีน ซึ่งโมเลกุลนี้ เป็นแก๊สที่มีแหล่งกำเนิดเพียง 2 แหล่งเท่านั้นบนโลก คือเกิดจากอุตสาหกรรม และ เกิดจากสิ่งมีชีวิต ทำให้การค้นพบโมเลกุลฟอสฟีนบนดาวศุกร์ครั้งนี้ อาจเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกว่า ครั้งหนึ่งนั้น เคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวศุกร์ โดย William Bains นักวิจัยจาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) ได้ทำการจำลองกลไกการเกิดฟอสฟีนบนดาวศุกร์ตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านแสงแดด รังสีจากดวงอาทิตย์ ชั้นบรรยากาศ หรือภูเขาไฟที่พื้นผิว ซึ่งทีมได้พยายามวิเคราะห์และคำนวนหาที่มาของแก๊สฟอสฟีนที่ไม่ใช่จากสิ่งมีชีวิตบนดาวศุกร์ แต่ก็ไม่สามารถหาคำอธิบายที่เหมาะสมได้เลย และนี่คือสมมติฐานและทฤษฏีที่อาจเป็นไปได้ ที่ทีมงาน Walkki ได้รวบรวมมาให้คุณผู้อ่านกันครับ 1.เกิดจากสิ่งมีชีวิตบนดาวศุกร์ ดาวศุกร์นั้นอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก หนึ่งในหลายๆทฤษฏีนั้น บอกว่า ครั้งหนึ่งนั้น ดาวศุกร์เคยมีมหาสมุทร มีชั้นบรรยากาศ จนกระทั่งเกิดการปะทุของดวงอาทิตย์ ที่ได้เผาชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์และดาวอังคารไป นอกจากนี้…

ถ้าพูดถึง “ออสเตรเลีย” ทุกคนจะนึกถึงอะไรกันบ้าง ? เมืองที่มีสัญลักษณ์เป็นจิงโจ้ ประเทศที่มีชื่อเดียวกันกับชื่อทวีป ความยิ่งใหญ่ของโรงอุปรากรที่ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวซิดนีย์อย่างโรงอุปรากรซิดนีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sydney Opera House แต่ก่อนที่ออสเตรเลียจะมีภาพจำที่ดีเช่นนี้ เมื่อก่อนออสเตรเลียเป็นเพียงพื้นที่รกร้าง และอีกหนึ่งหน้าที่ที่สำคัญของออสเตรเลียในยุคสมัยล่าอาณานิคมคือการเป็น “ทัณฑนิคม” ออสเตรเลียหรือชื่อทางการคือ เครือรัฐออสเตรเลีย เป็นประเทศซึ่งประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย และเกาะอื่น ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้ ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับหกของโลกเมื่อนับพื้นที่ทั้งหมด ออสเตรเลียมีคนอยู่มาก่อนนะ ก่อนการค้นพบของชาวยุโรป ออสเตรเลียเป็นที่อยู่อาศัยของชาวออสเตรเลียพื้นเมืองที่อพยพมาจากหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อประมาณ 40,000 – 70,000 ปีที่แล้ว โดยการค้นพบทวีปออสเตรเลียครั้งแรกสุดของชาวยุโรปนั้น ได้รับการบันทึกไว้ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1606 เมื่อชาวนักสำรวจชาวฮอลันดา ชื่อ วิลเลม แจนสซูน Willem Janszoon ค.ศ.1571-1638 ทำแผนที่ชายฝั่งของแหลมเคปยอร์กและคาบสมุทรเพนินซูลา Cape York and Peninsula ของรัฐควีนสแลนด์ และจากการค้นพบครั้งนั้น ทำให้เริ่มมีการทำแผนที่ชายฝั่งตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย ต่อมา ในปี ค.ศ. 1642 นักเดินเรือ…